การเสริมพลังฮวงจุ้ยให้บ้านคุณสมบูรณ์ขึ้นทั้งภายในและภายนอก ถ้าเปรียบบ้านเป็นคน ก็คงเหมือนว่าช่วยแต่งหน้าทาปากให้ดูโดดเด่น แลดูหน้ามอง เพราะคนเราต่อให้สวยให้หล่อแค่ไหน แต่ถ้าปล่อยให้ตัวเองหน้าซีดเป็นไก่ต้มอยู่ตลอดเวลา ก็คงดูไม่ได้เหมือนกัน บ้านก็เช่นกัน ถ้าบ้านหลังใหญ่โตแต่ถ้าจัดบ้านไม่เป็น จัดแบบตามใจฉันก็ยากที่จะรุ่งเรื่องตามหลักฮวงจุ้ย เพราะฉะนั้นจะให้ดีแล้ว ควรศึกษวิธีการจัดบ้านให้ช่วยเสริมพลังฮวงจุ้ยกันเอาไว้สักหน่อย ความมั่งคั่งร่ำรวยและรุ่งเรืองจะได้บังเกิดขึ้นกับคุณ
|
♦ บริเวณหน้าบ้าน
ส่วนของหน้าบ้านนี้ ขอย้ำให้ฟังกันอีกรอบว่าเป็นสิ่งที่สำคัญมาก เพราะเป็นบ่อเกิดของพลังงานชี่ เป็นที่รอรับพลังงานชี่ก่อนที่จะนำพาเข้ามาสู่ตัวบ้าน
ลานกว้างหรือเหม่งตึ๊งนี้ยิ่งกว้าง ยิ่งสวย ยิ่งดี คุณจะปูหญ้า จะวางหินต่อเรียง ๆ กันไปก็ได้ แต่ขอแนะนำว่าอย่าได้เอาหินก้อนโต ๆ ใหญ่ ๆ มาวางขวางไว้ที่หน้าประตูบ้านเป็นอันขาด
แต่ถ้าอยากจะวางจริง ๆ ก็ขอให้เล็งให้ดี ลองมองออกไปจากประตูบ้านดูสิว่าหินก้อนนั้นวางขวางแนวประตูหรือเปล่า บังแนวประตูละก็เท่ากับว่าคุณตกม้าตายตั้งแต่เริ่มต้น ต่อให้จัดบ้านดีแค่ไหน ก็ลดทอนพลังที่ดีออกไป เรื่องนี้เป็นสิ่งสำคัญมาก
ถ้าจะให้ดีไม่ต้องกังวลก็อย่าหาหินมาวางเลย ปลูกดอกไม้หลายสีให้ดูสวยงามบริเวณหน้าบ้านจะดีกว่า เพราะจะช่วยกระตุ้นพลังงานที่ดีได้มากมาย
นี่คือปราการด่านแรก ประตูทางเข้าที่สำคัญมาก
|

|
♦ เรื่องของไฟรอบบ้าน
แสงสว่างหรือไฟรอบ ๆ บ้านนั้นมีความสำคัญอย่างมาก ถือเป็นการตกแต่งให้บ้านดูโดดเด่นขึ้น และที่สำคัญยังช่วยกระตุ้นพลังชี่ตามหลักฮวงจุ้ยได้เป็นอย่างดี อย่างที่เคยบอกเอาไว้เป็นประโยคแคลสสิกให้ฟังว่า “เมื่อหยินและหยางสมดุลสรรพสิ่งจึงก่อกำเนิด”
นั้นก็หมายความว่าในยามค่ำคืนที่เป็นช่วงเวลามืด แสงสว่างน้อย นั่นคือสภาพของหยิน ยิ่งถ้าบ้านเรามีขนาดกว้างทั้งภายในและภายนอก แล้วคุณยังปล่อยให้บ้านมืดอีก เท่ากับว่าปล่อยให้พลังหยินเข้ามาครอบงำอย่างเต็มที่ คนที่อาศัยอยู่ในบ้านยิ่งอยู่ก็จะยิ่งซึมกะทือ พลังงานดี ๆ ก็ทดถอย สุขภาพก็จะไม่ดี อารมณ์ความรู้สึกก็จะแย่ ซึ่งวิธีแก้ไขก็คือต้องทำให้เกิดหยินหยางที่สมดุล สิ่งที่จะทำให้เกิดสมดุลได้ก็คือแสงไฟ เพราะรอบบ้านหรือสวนรอบบ้านควรจะมีไฟประดับไว้ให้แสงสว่างในยามคำคืนด้วย
แสงสว่างถือเป็นพลังงานหยางเป็นพลังที่เคลื่อนไหวและช่วยเหนี่ยวนำชี้ที่ดี หรือโชคลาภเข้ามาสู่ตัวบ้าน ซึ่งวิธีที่เราควรปฏิบัติก็คือ
|
1.ติดไฟไว้ที่ประตูรั้วทั้งสองด้าน
เพื่อทำให้บริเวณนี้แลดูสว่าง ยิ่งถ้าฝั่งตรงข้ามบ้านเราเป็นที่รกร้างอันนี้ถือว่าเป็นความจำเป็นอย่างมากที่จะต้องทำให้บ้านเรานั้นดูสว่าง ให้ติดไฟไว้ที่หัวเสาของรั้วเลยก็ดี
|
2.ติดไว้ที่ตำแหน่งประตูทางเข้าบ้าน
ในกรณีนี้หมายถึงประตูที่เปิดเข้ามาเจอห้องรับแขกนั่นเอง |
3.ติดไฟในสวน
อันนี้จำเป็นมาก ๆ บางบ้านมีสวนขนาดใหญ่ ไฟในสวนหรือไฟในสนามจะช่วยดึงพลังชื่ที่ดีเข้ามาสู่ตัวบ้าน มีลูกค้าของผมคนหนึ่ง มีสวนสนามบ้านที่ใหญ่มาก แต่ปลูกต้นไม้เอาไว้สะครึ้ม กลางคืนก็ปิดไฟมืดตลอด บ้านนี้อยู่ไปอยู่มาก็ป่วยกันทั้งบ้าน ลักษณะนี้คือพลังหยินมากเกินไป
|

|
♦ ประตูบ้าน
คุณคงเคยได้ยินมาบ้างแล้วที่หลาย ๆ คนชอบพูดว่า ประตูหน้าบ้านและประตูหลังบ้านห้ามตรงกันและคุณเองก็คงจะเคยสังเกตกันมาบ้างแล้วว่าบ้านของตัวเองนั้นประตูหลังบ้านแล้ะประตูหน้าบ้านตรงกันหรือป่าวและถ้าตรงกันแล้วจะเกิดอะไรขึ้นถ้าไม่ดีจะแก้ไขอย่างไร
จริงๆแล้วข้อห้ามที่ว่าห้ามประตูหน้าบ้านกับหลังบ้านตรงกันนั้น หลายคนเอาไปตีผิดเพี้ยนและบางทีก็ทึกทักเอาเองว่าประตูบ้านของเราตรงกันแหง ๆ จริงมองจากประตูหน้าบ้านเข้ามาจะทะลุประตูหลังบ้านเลยโดยไม่มีอะไรมาเบรกตรงกลางไว้
และที่ว่าไม่ดีนั้นก็เพราะว่าประตูที่ตรงกันทำให้พลังชี่ที่ผ่านเข้ามาจากหน้าบ้าน จะไหลออกหลังบ้านอย่างรวดเร็ว ทำให้บ้านหลังนั้นไม่สามารถกักเก็บพลังชี่ที่ดีไว้ได้ บ้านนั้นจึงอยู่ในสภาพที่ว่าเงินเข้ามาแล้วออกตลอด
จริง ๆ แล้วนอกจากประตูหน้าบ้านจะตรงกับประตูหลังบ้านแล้วในกรณีที่ประตูหน้าตรงกับกระจกบานใหญ่ ๆ หลังบ้านก็เข้าข่ายไม่ดีเหมือนกัน ส่วนวิธีแก้ก็มีด้วยกันหลายหลากหลายวิธี
|
1. หาฉากสวย ๆ หรือชั้นโชว์สวย ๆ มาเบรกพลังงานไว้ตรงกลาง
แต่การวางนั้นต้องวางให้แลดูเหมาะสมด้วย ซึ่งวิธีแก้อันนี้ไม่ยากเลย แถมยังเป็นการจัดบ้านให้ดูสวยงามอีกด้วย
|

|
2. หาม่านหรือมู่ลี่มาใส่ที่ประตูหรือหน้าต่างบานหลังบ้านเอาไว้ |
3. ถ้าบ้านคุณมีความลึกอาจจะใช้ทั้งสองกรณีนี้ร่วมกัน
แค่ถ้าบ้านคุณตื้นไม่ลึกเท่าไหร่ การวางพรมตรงกลางบ้านสักผืน และติดไฟห้อยลงมาตำแหน่งกลางบ้านก็จะช่วยชลอพลังงานชี่ไม่ให้ไหลออกได้ อันนี้ก็แล้วแต่ว่าบ้านใครจะสะดวกแบบไหน
|
♦ ห้องรับแขกที่อยู่แล้วรวย
ผมเชื่อว่าทุกบ้านจะต้องมีห้องรับแขก จะเล็กหรือใหญ่ก็ถือว่าเป็นที่ต้อนรับคนเข้าคนออก คุณรู้มั๊ยว่าห้องรับแขกนี้สำคัญมากๆสำหรับบ้านคุณ เพราะเวลาเปิดประตูบ้านเข้ามาก็จะเจอห้องนี้ก่อน
ห้องรับแขกตามหลักฮวงจุ้ยจึงเป็นตำแหน่งที่รองรับพลังชี่จากภายนอกสู่ภายใน การที่จะแต่ให้ห้องนี้ดูโดดเด่นรับพลังชี่ที่ดีมีหลายวิธี |
1. อย่าใช้เฟอร์นิเจอร์ชิ้นที่ใหญ่เกินไปสำหรับห้องนี้
ในกรณีที่ห้องรับแขกของคุณกว้างมาก เฟอร์นิเจอร์ชิ้นใหญ่เกินไปจะทำให้บังพลังชี่ไหลผ่านจากข้างนอกเข้าสู่ตัวบ้านจนหมด ทำให้พลังชี่ไหลเวียนไม่สะดวก เฟอร์นิเจอร์ชิ้นไหนมีขนาดใหญ่หรือเล็กเกินไปนั้นต้องพิจารณาเปรียบเทียบกับขนาดห้องรับแขกของบ้านคุณเอง
|
2.หาที่ติดภาพหรือหารูปปั้นที่เป็นจุดสายตามาวางไว้ในห้องนี้
อันนี้ก็เป็นสิ่งสำคัญเหมือนกัน ภาพหรือรูปปั้นสวยๆจะช่วยดึงพลังชี่ที่ดีให้เข้ามาได้เป็นอย่างดี ถ้าคุณคิดว่ารถที่คุณขับบ่งบอกถึงกความเป็นตัวคุจากภายนอกได้เป็นอย่างดี ห้องรับแขก ก็ทำหน้าที่เช่นเดียวกันนี้กับบ้านของคุณ
ภาพหรือรูปปั้นที่จะเลือกเข้ามาติดหรือวางไว้ ควรจะเป็นภาพหรือรูปปั้นที่ดูแล้วเป็นมงคลสวย สง่างาม และพยายามติดในตำแหน่งที่เวลาเดินเข้ามาแล้วสามารถมองเห็นได้ทันที
|
♦ ทางเดินภายในบ้าน
ทางเดินภายในบ้านเป็นที่ที่พลังชี่เคลื่อนไหวตลอดเวลา อธิบายง่าย ๆ ให้เห็นภาพก็คือถ้าเราเปรียบเทียบบ้านเป็นคนทางเดินก็เปรียบได้กับเส้นเลือดทางเดินภายในบ้านถ้าไม่สามารถเดินได้สะดวก ของวางไม่เข้าที่ ก็เหมือนเส้นเลือดของคุณเกิดการอุดตัน ทำให้เลือดไหลเวียนไม่สะดวก วิธีการจัดทางเดินให้ถูกตามหลักฮวงจุ้ยคือ |
1.ทางเดินที่ดีไม่ควรสับสนซิกแซก
คือควรจะเป็นทางเดินที่เดินได้สะดวก ไม่มีสิ่งของวางระเกะระกะหรือขวางไว้ด้วยเฟอร์นิเจอร์ที่ไม่เข้ากัน ผังบ้านที่ไม่ซิกแซกไปมาก จะทำให้พลังชี่เคลื่อนไหวได้สดวก ผู้มี่อยู่อาศัยก็จะเฮงไปด้วย
|

|
2.ทางเดินสับสนยิ่งอยู่ยิ่งติดขัด
บางทีทางเดินที่สับสนนี้ เกิดจากบ้านที่เกิดการต่อเติมขึ้นทีหลังและต่อเติมแบบสับสน ต่อห้องเพิ่มมากมาย กั้นตรงโน้นนิดตรงนี้หน่อยเพื่อให้เกิดเป็นห้องใหม่ จะทำให้บ้านดูทึบ ๆ ตัน ๆ ไปหมด บ้านแบบนี้ยิ่งอยู่มีแต่ยิ่งอับจน |
3.ทางเดินในบ้านที่ค่อนข้างแคบ
ในกรณีที่ทางเดินในบ้านค่อนข้างแคบนั้น แนะนำให้ใช้ไฟหรือแสงจากภายนอกช่วยด้วย การพยายามติดไฟในตำแหน่งที่แลดูแคบให้สว่างขึ้นเพื่อส่งผลให้พลังงานหรือพลังชี่ไหลเวียนได้ดีขึ้น
|
 |